ถ้อยแถลงของเดอ มิสตูรา มีขึ้นในเวลาเดียวกับที่ศูนย์บัญชาการกลางของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) รายงานการโจมตีทางอากาศในเมืองโคบานีเมื่อวันศุกร์ โดยมีเครื่องบินรบของซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) เข้าร่วมด้วย แม้รายงานไม่ได้ระบุชัดว่าสามารถโจมตีได้กี่จุดและทำลายอะไรได้บ้าง แต่นักรบชาวเคิร์ดเผยกับผู้สื่อข่าวตะวันตกในพื้นที่ว่า ฝูงเครื่องบินรบของสหรัฐและพันธมิตรระดมทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มไอเอสในเมืองโค บานีนานถง 1 ชั่วโมงครึ่งสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่านายสตาฟฟาน เดอ มิสตูรา เอกอัครราชทูตพิเศษสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ว่าด้วยกิจการในซีเรีย แถลงเมื่อวันศุกร์เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองโคบานี ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของซีเรียและมีชาวเคิร์ดอาศัยอยู่มาก กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะพบกับโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หากกลุ่มรัฐอิสลาม ( ไอเอส ) สามารถยึดครองเมืองนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
เบื้อง ต้นยูเอ็นประเมินจำนวนชาวเมืองโคบานีราว 12,000 คนสามารถหลบหนีออกจากพื้นที่สู้รบได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเดินทางไปถึงจุดผ่านแดนเข้าสู่ตุรกี ขณะที่ในเมืองยังมีประชาชนติดค้างอยู่อีกราว 700 คน และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งเคลื่อนไหวร่างกายช้าหรือลำบาก เดอ มิสตูราจึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลตุรกี ให้มอบความสนับสนุนภารกิจโจมตีทางอากาศที่มีสหรัฐเป็นกำลังสำคัญด้วย และอนุญาตให้อาสาสมัครนักรบชาวเคิร์ดในประเทศเดินทางเข้ามาในเมืองโคบานี ด้วย พร้อมกับแสดงความหวังว่า ชาวเมืองโคบานีจะไม่พบจุดจบเหมือนเมืองซเรเบรนิกา เมื่อปี 2538 ที่กองทัพชาวเซิร์บสังหารหมู่ชาวมุสลิมในเมืองแห่งหนี้กว่า 8,000 ศพ
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น